คีย์เวิรด์คืออะไร

คีย์เวิร์ด คือ  ( keyword ) คำหรือประโยคสั้น ๆ  ( Key phrases )ที่มีความหมายด้วยตัวมันเองที่คุณใช้หาข้อมูลบน " Serach Engine " นั่นเอง

แล้วมันมีความหมายอย่างไรกับการทำ SEO ล่ะ แน่นอนครับเพราะถ้าจะพุดว่า  เว็บผมมี Ranking อันดับหนึงใน google  เฉย ๆ ก็คงไม่มีความหมายอะไร ถ้าไม่ได้บอกว่าไอ้ Ranking ที่ดีนั้น ดีในเรื่องใดด้วย

คีย์เวิร์ด ใดกันแน่น เช่น เกม, ฟุตบอล, หาเงิน ,คอมพิวเตอร์ และอื่น ๆ

ถ้าไม่มีคียืเวิร์ด ก็เหมือนคุณเทียวไปบอกกับทุกคนว่า เย้ ผมสอบผ่าน.....แต่ไม่รู้ว่าวิชาอะไร ดั้งนั้น

Ranking จะมีความหมายได้ ก็ต้องมีคีย์เวิร์ดมาเป็นเป้าหมายด้วยครับ

ก่อนที่คุณจะสร้างเว็บไซตืขึ้นมานั้น คุณจะต้องค้นหาคีย์เวิร์ด ที่ถูกต้องและแม่นยำก่อน เพื่อดูว่าตลาดที่คุณลงไปเล่นนั้นคีย์เวิร์ดคืออะไร

 ตัวอย่าง คุณจะประกาศขายรถ  Honda 3 ประตูปี 1992 คุณต้องรู้ว่าคคนส่วนใหญ่เวลาที่จะซื้อรถรุ่นนี้

พิมพ์คีย์เวิร์ดว่าอะไรกันมากที่สุด ใน google ด้วยเครื่องมือที่ค้นหาความนิยมคีย์เวิร์ด

 ( ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เป็นภาษาไทย  www.Truehite.net ของ ส.บ.ท.ร ( สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ ) ทีเอาไว้บริการสถิติการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคนไทย ซึ่งมีประโยชน์สำหรับคนที่ทำเว็บภาษาไทยอย่างมาก

ค้นหาคีย์เวิร์ดภาษาอังกฤษ Google Suggestion Tool สามารถค้นหาใน google ด้วยคำนี้ได้เลย ( สามาใช้ได้ทั้งไทย และ อังกฤษ ) แต่เท่าที่ดูแล้วยังไม่สามารถแสดงผลภาษาไทยได้ดีเท่าภาษาอังกฤษ )

จากนั้นคุณจะพบว่า คยค้นหารถรุ่นนี้ ด้วยคำว่า " เตารีด " ไม่ใช้ Honda 3 ประตู ที่นี้ล่ะคุณก็ลงประกาศ

ขายรถได้อย่างมั่นใจ ตามเว็บไซต์ที่ลงโฆษณาออนไลน์ต่าง ๆ ด้วยหัวข้อว่า " Honda เตารีด "

แค่นี้เองมันก็จะทำให้ประกาศขายรถของคุณถูกค้นพบได้ง่ายจากในเว็บไซต์ที่ลงประกาศเอง และ

 Search Engine นี่ก็คือ ปัจจัยทหนึ่งในหลาย ๆ ปัจจัยในการทำ  SEO.

เครื่องมือหาคีย์เวิร์ดภาษาไทย Truehhits.net

หลักในการทำ SEO

ก่อนอื่นเรามารู้จัก " SEO  " ว่าคืออะไร   SEO  ( Search Engine Optimization ) คือ การทำให้เว็บไชต์ ให้สามารถทำงานได้ดี กับ  " Search Engine " หรือพูดอีกอย่างคือ การทำให้เว็บไซต์ค้นหาได้ง่ายจาก  Search Engine ด้วยการสร้างหรือปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงตามความต้องการของระบบเพื่อเป้าหมาย
เดียวก็คือ การได้อยู่ในอันดับ หรือ  Ranking ที่ดีที่สุดในหน้าผลลัพธ์การค้นหา

ปัจจัยหลักในการทำ  SEO ( Search Engine Optimization )  แบ่งได้เป็น  2 เรื่องหลัก

1. On-site  SEO ( Site Structure )
2. Off-site  SEO ( Backlink )

On-site  SEO ( Sit structure ) ประเภทแรกนี้จะเกียวข้องกับการ ปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์ทั้งหมด ดั้งนั้นจะมีหลายเรื่อที่ผมจะบอกต่อไปเรื่อ ๆ แต่การทำ SEO แบบนี้เป็นการทำที่สบายใจที่สุดเพราะมันสามารถทำได้ภายในเว็บไซต์ของคุณเอง ไม่ต้องออกไปสู้รบเหมือน แบบที่ 2 โดยปกติแล้วโครงสร้างของเว็บไซต์ที่มักจะใช้ภาษา  HTML หรือ PHP ที่คนทำ SEO มีหน้าที่ต้องปรับแต่งในบางส่วนเพื่อให้เว็บทำงานร่วมกับ" Search Engine " ได้ดียิ่งขึ้น ไม่ต้องตกใจนะครับง่าคุณไม่รู้เรื่องภาษา HTML , PHP
แล้วจะทำได้หรือ ไม่รู้ก็สามารถปรับแต่งได้ครับแค่สังเกตุชุดโค้ดดี ๆ เวลาที่จะคัดลอกหรือลบออก
เพราะเวลาปรับแต่งสำหรับ SEO แล้วส่วนใหญ่เราไม่ได้เขียนโค้ดขึ้นมาใหม่ เราแค่เอาโค้ดที่เขียนดีกว่าเราจากแหล่งความรู้ต่าง ๆมาใส่แทนโค้ดเก่าเท่านั้นเอง
Off-site SEO  ( Backlin )  เว็บไซต์ที่จะมี Ranking ที่ดีที่สุดในสายตาของ "Search Engine"
ย่อยไม่ใช้เว็บไซต์ที่ดีเลิศในแเง่ของ  SEO เท่านั้นแต่จะต้องมีเว็บไซต์อื่นรับรองด้วย ซึ่งจะวัดได้จากจำนวนลิงก์ที่โยงจากเว็บเพจอื่น ๆ เข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณ จำนวนลิงก์ก็คือ สิ่งที่ google ให้ความสำคัญอันดับหนึง ไม่ใช้ลิงก์ที่ออกไปนะครับ ( ถ้าลิงก์ออกไปก็คงดี วัน ๆ เราคงนั่งสร้างลิงก์ไปเว็บนั้น
เว็บนี้มันกันไปเลย )

หลักการทำงาน Search Engine

ปัจจัยการทำงานหลักอยู่ 3 ประการ

1. Search Engine  ทั้งหลายค้นหาข้อมูลใน internet และเลือกสรรเว็บเพจต่าง ๆ ออกมาตามคำสั่ง    ของผู้ใช้งาน Keyword
 
2. Search Engine  วิ่งเข้าไปเก็บข้อมูลต่าง ๆ เอามาเก็บไว้ในฐานข้อมูล Indexing เพื่อรอการเรียก
ค้นหา ( indexing ก็จะคล้าย ๆ กับ ดัชนีท้ายเล่มหนังสือนั่นเอง )

3. Search Engine  อนุญาติให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ด้วยการเปรียบเทียบการสอดคล้องระหว่างคำ
หรือข้อมูลที่เป็นประโยคสั้น ๆ ที่ใช้ค้นหาใน  Index  ของ  " serach engine "
ดั้งนั้นก่อนที่  serach engine จะบอกคุณว่า ข้อมูลที่คุณหาอยู่ในเว็บเพจใดในโลก Internet  มันจะต้องมีข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว
เพราะฉนั้น  Search engine จึงมีซอฟต์แวร์อัตโนมัติที่เรียกว่า Spider หรือ Robot ที่จะคอยวิ่ง
( crawling ) ไปตามเว็บเพจต่าง ๆ โดยการใช้ลิงก์มากมายเป็นถนม ให้มันวิ่งผ่านแล้วเอาข้อมูลหรือเนื้อ
หาของเว็บเพจเหล่านั้นมาเก็บใส่ index ของมันเอาไว้เพื่อเตรียมการรอว่าเมื่อไหร่จะมีใครมาค้นเจอ
นอกจากการใช้ลิงก์ในการเก็บข้อมูล  ยังมีอีกสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นโดยสามารถ เรียกเจ้า  Spider ให้เข้ามาเก็บข้อมูลได้อีกคือ ความนิยมของเพจนั้น ๆ เพราะเจ้า Spider มันจะวิ่งเข้าหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เก็บ
ไฟล์เว็บเพจนั้น  ( Server ) ที่มีอัตราการใช้อย่างหนักหน่วงในแต่ละวินาที  พูดง่ายก็คือเว็บเพจใดที่มีคน
เข้าไปดูมาก ๆ เป็นที่นิยม และมีการอัปเดตเนื้อหาอยู่บ่อย ๆ เจ้า Spider มันจะเข้ามาเองนั้นแหละ

เอาหล่ะทั้งหมดที่ว่ามา ก็คือพื้นฐานหลักการทำงานของ " Search Engine " ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ หรือไม่เคยสนใจ แต่หลายคนอาจจะมาาขอบคุณผมที่หลังก็ได้ ถ้าคุณตั้งใจจะทำ " SEO " จริง ๆ

รู้จัก Search Engine

Search Engine  หรือเครื่องมืค้นหาข้อมูลออนไลน์แบบทันใจ นับได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์
ในยุคคอมผิวเตอร์เลยก็ว่าได้ สมัยนี้คนที่ใช้ Internet ทั่วไปส่วนใหญ่ต้องพึ่งพามันโดย ตลอด ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องงาน หรือเรื่องการค้นค้วา เรื่องเรียนหรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ทุกคนก็จะเข้าไป  Search Engine
แค่พิมพ์คำสั้น ๆ หรือประโยดอะไรก็ได้ที่เรียกว่าเป็น Keyword เข้าไป แล้วกระแทกนิัวไปที่ enter
ข้อมูลที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับคำ ก็จะปรากฎออกมาให้เห็นในไม่กี่วินาที
Search Engine ที่มีคนใช้มากที่สุดคงหนีไม่พ้น google เจ้าพ่อแห่วงการ  " Search "

ผมยังจำได้ก่อนที่จะมี google  ทุกคนคงรู้จัก  Yahoo กันแน่นอน พอได้ยินว่ายมีบริการ ของ google
มาใหม่ หาอะไรเจอไปหมด เพราะมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าใคร และมีข้อมูลที่กักเก็บไว้มากที่สุดก็
เลยต้องลองสักหน่อย ตั้งแต่นั้นผมก็ยังไม่ได้กลับไปใช้บริการของที่อื่นอีกเลย
สรุป คือ  " Search Engine " เป็นเครื่องมือที่ใช้ค้นหา ข้อมูล, เว็ป และอื่น ๆ อีกมากมายที่อยู่ใน internet
นั่นเอง